Table of Contents

อัพเดทสถานการณ์ “โควิด-19” วันที่ 29 เมษายน 2563

สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน และอีกหลายระเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่ออัพเดทสถานการณ์ล่าสุดและเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่นี้ (COVID-19) ณ วันที่ 29 เมษายน 2563 โดยสามารถติดตามอ่านข่าวได้ตลอดทั้งวัน โดยคลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ตามหัวข้อต่างๆ ดังนี้

ด่วน! ไทยพบผู้ติดเชื้อ ‘โควิด-19’ เพิ่ม 9 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย รวมยอดสะสม 2,947 ราย ใน 68 จังหวัด ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตรวม 54 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 13 ราย รวม 2,665 ราย

‘ญี่ปุ่น’ ส่ง Avigan ให้ 38 ประเทศร่วมรักษาผู้ป่วยโควิดสัปดาห์นี้

นายโตชิมิตสึ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมจัดส่งยาอาวีแกน (Avigan) หรือรู้จักกันในชื่อว่า ฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ให้กับ 38 ประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายภายในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ในการทดลองรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

นายโมเตกิกล่าวว่า ประเทศในอาเซียนที่อยู่ในกลุ่ม 38 ประเทศที่จะได้รับยาดังกล่าว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเมียนมา นอกจากนี้ ยังมีอีกกว่า 30 ประเทศที่แสดงความสนใจที่จะขอรับยาดังกล่าว

“ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง” นายโมเตกิ กล่าวย้ำ นายโมเตกิกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกับประเทศที่ได้รับยาอาวีแกน ดังกล่าวเพื่อขยายการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะมอบเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับสหประชาชาติ เพื่อซื้อและจัดส่งยาดังกล่าวให้แก่ประเทศที่มีความต้องการนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นและสถาบันอื่นๆ ในจีน

กทม. ไฟเขียว! คลายล็อค 8 กิจการ กลับมาเปิดได้ แต่ยังไม่ระบุวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารธานีนพรัตน์ กทม.2 (ดินแดง) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เริ่มการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันที่ 28 เม.ย. เสนอผ่อนปรน 8 ประเภทสถานที่นำร่อง ให้สามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ วันที่ 30 เม.ย. จะสิ้นสุด ประกาศ กทม. ปิดสถานที่และกิจการเสี่ยงต่อโรคระบาดชั่วคราวรวม 34 พื้นที่ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.27 น. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. แถลงข่าวหลังประชุม คกก.โรคติดต่อ อนุมัติ ผ่อนปรน 8 ประเภทสถานที่ แต่ยังไม่ระบุวัน รอประกาศพร้อม ศบค.

เผยต่ออายุมาตรการปิด ผับ บาร์ หรือสถานที่ความเสี่ยงสูงต่อถึง 31 พ.ค. ส่วนการผ่อนปรน 8 สถานที่ โดยจะให้เปิดได้ แต่ต้องมีมาตรการควบคุม – กำหนดการเปิดห้รอประกาศพร้อม ศบค. เพื่อป้องกันไม่เกิดการแออัด และการขายสุราได้หรือไม่ ต้องรอแนวทางศบค.

ก่อนหน้านี้ (28 เม.ย.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารว่า เตรียมออกมาตรการผ่อนปรนจากมาตร ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยมี 8 ประเภทสถานที่ให้สามารถเปิดได้ ดังนี้

1.ร้านอาหาร นั่งทานที่ร้านได้ แต่ต้องจัดที่นั่งห่างกัน 1.5 เมตร และห้ามมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดตามเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

2.ตลาดและตลาดนัด ให้ขายสินค้าได้ทุกประเภท

3.สถานที่ออกกำลังกาย เป็นประเภทที่มีระยะห่างกัน รวมถึงศูนย์กีฬาและศูนย์เยาวชนให้เข้าไปออกกำลังกายได้เฉพาะกีฬาที่ไม่ใกล้ชิดกัน เช่น เดิน วิ่ง สนามแบตมินตัน เทนนิส เทเบิลเทนนิส เป็นต้น ไม่อนุญาตกีฬาประเภททีม เช่น ฟุตบอล ซอฟบอลวอลเลย์บอล บาสเกตบอล กีฬาที่ต้องใกล้ชิดกัน

4.สวนสาธารณะ ให้เข้าใช้ออกกำลังกาย พักผ่อนได้ แต่ห้ามจับกลุ่มสังสรรค์

5.ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย อนุญาตเฉพาะตัด สระ ไดร์ และต้องหยุดทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกๆ 2 ชม.ให้จองคิวเข้ารับบริการ ไม่ให้มีการนั่งรอในร้าน ช่างใส่หน้ากาก และ Face Shield ด้วย

6.ร้านตัดขนสัตว์และคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ นำสัตว์เข้าร้านได้ 1 คน/1 ตัว

7.โรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาล

8.สนามกอล์ฟ และสนามฝึกซ้อม

ด่วนที่สุด!! สงขลา ห้าม จนท.รัฐ ออกนอกพื้นที่ สกัด ‘โควิด19’

ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งด่วนที่สุด ห้ามข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ออกนอกจังหวัด สกัดและควบคุมการแพร่ระบาด “โควิด-19” หากจำเป็นต้องขออนุญาตกับผู้ว่าฯ และเมื่อกลับมาต้องถูกกักตัว 14 วัน

ไออาร์ซีเตือนโควิด-19ทำคนติดเชื้อ 1 พันล้านราย

คณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศ (ไออาร์ซี) ออกรายงานฉบับหนึ่งระบุว่า ประชากรทั่วโลกจำนวนมากถึง 1,000 ล้านราย อาจติดเชื้อโควิด19 และอาจมีผู้เสียชีวิตถึง 3.2 ล้านรายใน 34 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและมีความเปราะบาง ซึ่งรวมถึงไทย และเมียนมา

ไออาร์ซี ระบุว่า ประเทศในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม เช่น อัฟกานิสถานและซีเรีย รวมทั้งประเทศที่มีความยากจน แม้แต่ก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด19 เช่น กรีซและเวเนซุเอลา โดยตัวเลขการประเมินนี้เป็นตัวเลขประเมินขั้นต่ำ และยังไม่รวมถึงอีกหลายประเทศที่มีความสามารถที่จำกัดในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข เช่น ซูดานใต้ ซึ่งมีเครื่องช่วยหายใจเพียง 4 เครื่อง และมีห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ไอซียู) เพียง 24 ห้อง

นายเดวิด มิลลิแบรนด์ ประธานและซีอีโอของไออาร์ซี กล่าวว่า การประเมินนี้ ควรเป็นเหมือนการเตือนสติ และขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ในบริเวณที่เป็นประเทศที่เกิดสงคราม รวมถึงพื้นที่อ่อนไหวและน่าเป็นห่วงอื่นๆได้ จึงยังมีเวลาในการวางแผนรับมืออย่างเเข็งขัน เพื่อป้องกันการระบาดไปทั่วโลก

นายมิลลิแบรนด์ กล่าวด้วยว่า มีความจำเป็นที่ต้องจัดสรรเงินเร่งด่วน สำหรับงานด่านหน้าในการต่อสู้กับโควิด 19

ทั้งนี้ ไออาร์ซี เป็นองค์กรช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาขององค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ก่อตั้งขึ้นในปี 2476 และมีสำนักงานในหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย

ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 3.1 ล้านราย

เว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ณ.เวลา 07.14 น.ของวันนี้ (29เม.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 3,136,232 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 217,799 ราย ส่วนผู้รักษาหายแล้วทั่วโลกอยู่ที่ 953,245 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 สูงสุดในโลก (1,035,454) รองลงมาคือสเปน (232,128), อิตาลี (201,505), ฝรั่งเศส (165,911),สหราชอาณาจักร (161,145) เยอรมนี (159,912)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (59,252) ตามมาด้วยอิตาลี (27,359), สเปน (23,822), ฝรั่งเศส (23,660) และสหราชอาณาจักร (21,678)

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 รายใหม่มีจำนวน 528 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 สะสมรวม 14,951 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ขณะที่อินโดนีเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 9,511 ราย

ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหอพัก

นอกจากนี้ สิงคโปร์มีผู้เสียชีวิตจากโควิด19 จำนวน 14 ราย แต่ต่ำกว่าอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาค จำนวน 773 ราย

ถอดบทเรียนแดนมังกร ประสบการณ์ตรงจากทีมแพทย์เมืองอู่ฮั่น

ศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด19 อย่าง “จีน” ถือเป็นประเทศหนึ่งที่สามารถรับมือกับโรคร้ายนี้ได้ บางเมืองผู้ติดเชื้อเริ่มเป็นศูนย์ โดยเฉพาะอู่อั่นเริ่มเปิดเมืองและประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิต